วันนี้(11พฤศจิกายน 2558) นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไข้เลือดออกเป็นโรคประจำถิ่นในประเทศแถบอาเซียน ซึ่งในปีนี้มีการระบาดรุนแรงเกือบทุกประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย ที่มีผู้ป่วยกว่า 8 หมื่นราย และผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย เป็นต้น ส่วนประเทศไทยปัจจุบันมีผู้ป่วยทั่วประเทศแล้ว 102,762 ราย เสียชีวิต 102 ราย ซึ่งธรรมชาติของโรคไข้เลือดออกจะพบการระบาดแบบปีเว้นปี หรือปีเว้นสองปี ส่วนแนวโน้มของโรคไข้เลือดออก จะพบว่าผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาการป่วยในผู้ใหญ่จะไม่เด่นชัดเท่ากับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ที่สำคัญเมื่อเกิดในผู้ใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงมากกว่าในเด็ก
โรคไข้เลือดออก มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งในแถบประเทศอาเซียนนี้พบได้ 4 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์มีความรุนแรงไม่แตกต่างกันมาก ในแต่ละประเทศก็จะมีผู้ป่วยแต่ละสายพันธุ์สลับกันไป และปัจจุบันประเทศไทย ไม่มีไข้เลือดออกสายพันธุ์ใหม่ นอกเหนือจาก 4 สายพันธุ์ที่เคยพบมาแล้ว ซึ่งหากป่วยเป็นครั้งแรกอาการจะไม่รุนแรง แต่ถ้าป่วยเป็นครั้งที่สองอาการจะรุนแรงขึ้น ส่วนอาการของไข้เลือดออก คือ มีไข้สูงและมักสูงลอยประมาณ 2-7 วัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตัว เบื่ออาหาร ปวดจุกแน่นท้อง อาจมีเลือดกำเดา มีจุดเลือดออกใต้ผิวหนังที่แขนขา ข้อพับ และพบว่าโรคไข้เลือดออกในวันแรกๆ อาจจะยังวินิจฉัยโรคไม่ได้
นายแพทย์อำนวย กล่าวอีกว่า โรคไข้เลือดออก ยังไม่มีวัคซีน และยังไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ต้องรักษาตามอาการจากการวินิจฉัยของแพทย์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมากำจัดเชื้อโรคในตัวออกไป เมื่อเป็นไข้สูง อย่าซื้อยามากินเอง โดยเฉพาะยาแอสไพรินหรือยาไอบูโพรเฟน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย และเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค โดยหลังการดูแลรักษาแล้ว 3-4 วัน อาการไม่ดีขึ้น มีอาการซึม เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา กระหายน้ำ ปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวา อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด แสดงว่าช็อกจากโรคไข้เลือดออก ต้องรีบกลับไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หากช้าอาจทำให้เสียชีวิตได้
จากผลสำรวจทัศนคติความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโรคและภัยสุขภาพ ดีดีซีโพล (DDC Poll) ของกรมควบคุมโรค เรื่อง “โรคไข้เลือดออก” พบว่า ประชาชนประมาณ 80% มีความรู้เรื่องโรคไข้เลือดออกอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในด้านพฤติกรรมการป้องกันควบคุมโรคไข้เลือดออกพบว่ามีเพียง 20% ที่ดำเนินการควบคุมลูกน้ำยุงลายอย่างสม่ำเสมอ สำหรับวิธีการที่ได้ผลดีในการป้องกันไข้เลือดออก คือ ไม่ให้ยุงลายกัด โดยสวมเสื้อผ้ามิดชิดป้องกันยุงกัด การนอนในมุ้ง หรือติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้าบ้าน ทายากันยุง หรือใช้สมุนไพรไล่ยุง โดยจุดที่ยุงลายชอบเกาะพักคือ เสื้อผ้าใช้แล้วที่แขวนไว้ มุมอับชื้น ห้องน้ำ ส่วนด้านนอกรอบบ้านก็ต้องเก็บกวาดจัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาด อ่างบัวต้องใส่ปลากินลูกน้ำ หากภาชนะใดปิดไม่ได้ก็อาจต้องพึ่งสารเคมี ให้ใส่ทรายทีมีฟอสไม่ให้มีลูกน้ำ และที่สำคัญต้องหมั่นตรวจตรารอบบ้านอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422
*******************************************************
สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค
โทรศัพท์ 0-2590-3857 / โทรสาร 0-2590-3386 วันที่ 11 พฤศจิกายน 2558