[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
โรงพยาบาลหัวไทร : Huasai Hospital
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
ผู้อำนวยการโรงพยาบาล


นายแพทย์ยุทธพงศ์ ณ นคร

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวไทร

เมนูหลัก
ระบบออนไลน์
ITA โรงพยาบาลหัวไทร

หน่วยงานภายใน
เครือข่ายโรงพยาบาล
เครือข่าย รพ.สต.
พจนานุกรมทางการแพทย์
เวปไซต์ทางการแพทย์


  

   เว็บบอร์ด >> >>
เลิกบังคับแต่งลูกเสือ โดย ตรีนุช ที่ส่งหนังสือไปยัง ศธ.  VIEW : 97    
โดย หยาดฟ้า

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 117
ตอบแล้ว : 1
เพศ :
ระดับ : 8
Exp : 77%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 27.55.69.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์์ ที่ 26 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2566 เวลา 16:03:43    ปักหมุดและแบ่งปัน

ตรีนุช ยัน ศธ. เลิกบังคับแต่งลูกเสือ ตั้งแต่ปี 65 ผ้าพันคอผืนเดียวจบ เน้นจิตอาสามากกว่ายูนิฟอร์ม

เลิกบังคับแต่งลูกเสือ โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงการแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ว่าตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือสั่งการไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ให้สื่อสารซักซ้อมความเข้าใจการแต่งเครื่องแบบลูกเสือ ยุวกาชาด โดยให้โรงเรียนดำเนินการอย่างยืดหยุ่น ไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครอง การเรียนวิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด ที่มีเครื่องแบบ ไม่จำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบครบชุด แต่ขอให้มีสัญลักษณ์เฉพาะบ่งบอกให้รู้ว่าเด็กได้เรียนวิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด เช่น มีผ้าผูกคอผืนเดียวได้ เพราะเป้าหมายสำคัญของการเรียนวิชานี้อยู่ที่กิจกรรม จิตอาสา การบำเพ็ญประโยชน์ให้กับสังคม การเสียสละ มากกว่าการให้ความสำคัญกับชุดยูนิฟอร์ม และขณะนี้สถานศึกษาหลายแห่งก็ได้ปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวอยู่แล้ว

น.ส.ตรีนุชกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้เปิดภาคเรียนใหม่ ในปีการศึกษา 2566 แล้ว

ซึ่งสถานศึกษาทุกแห่งได้รับเงินอุดหนุนรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันในอัตราใหม่ที่รัฐบาลได้ปรับเพิ่มขึ้นให้ ดังนั้น ขอให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน การจัดเมนูอาหารกลางวันให้เด็กได้รับอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามช่วงวัย ความปลอดภัยในสถานศึกษา การเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญสิ่งใดที่ไม่จำเป็น และจะเป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครองขอให้สถานศึกษางด ยกเว้น และยืดหยุ่นให้มากที่สุด

น.ส.ตรีนุชกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการผ่อนคลายกฎ ระเบียบต่างๆ ให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการศึกษาได้อย่างคล่องตัว สอดรับกับบริบทของพื้นที่ที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน รวมถึงมีการปรับปรุงกฎ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวกับนักเรียน ให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ไม่บังคับ เช่น เรื่องทรงผมของนักเรียน ก็ได้มีการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 แล้วให้สถานศึกษาแต่ละแห่งกำหนดเป็นระเบียบ หรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง โดยการออกระเบียบ หรือข้อบังคับต่างๆ ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนก่อนการประกาศใช้

ขณะนี้ได้เปิดภาคเรียนใหม่ให้ เลิกบังคับแต่งลูกเสือ

ซึ่งสถานศึกษาทุกแห่งได้รับเงินอุดหนุนรายหัวการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวันในอัตราใหม่ที่รัฐบาลได้ปรับเพิ่มขึ้นให้

ดังนั้น ขอให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมาอย่างคุ้มค่า โปร่งใส่ ตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการศึกษา การจัดการเรียนการสอน การจัดเมนูอาหารกลางวันให้เด็กได้รับอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ตามช่วงวัย ความปลอดภัยในสถานศึกษา การเฝ่าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และที่สำคัญสิ่งใดที่ไม่จำเป็น และจะเป็นการสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครองขอให้สถานศึกษางด ยกเว้น และยืดหยุ่นให้มากที่สุด

ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการผ่อนคลายกฎ ระเบียบต่างๆ ให้สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการศึกษาได้อย่างคล่องตัว สอดรับกับบริบทของพื้นที่ที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน รวมถึงมีการปรับปรุงกฎ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวกับนักเรียน ให้มีความยืดหยุ่นขึ้น ไม่บังคับ เช่น เรื่องทรงผมของนักเรียน ก็ได้มีการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 แล้วให้สถานศึกษาแต่ละแห่งกำหนดเป็นระเบียบ หรือ ข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง

สรุป

โดยการออกระเบียบ หรือข้อบังคับต่างๆ ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือ ผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือ กลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนก่อนการประกาศใช้

อ้างอิง

www.matichon.co.th